เปรียบเทียบการเปิดร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเองกับการเปิดร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

โพสต์เมื่อ 1 ตุลาคม 2568, 16:31 น.


ในยุคดิจิทัลที่การซื้อขายผ่านออนไลน์กลายเป็นพฤติกรรมหลักของผู้บริโภค การเลือกว่าจะเปิดร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเองหรือใช้ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ อย่าง Lazada, Shopee หรือ TikTok Shop ถือเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ ซึ่งแต่ละทางเลือกมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน


1. การเปิดร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเอง

ข้อดี

สร้างแบรนด์อย่างยั่งยืน

เว็บไซต์ที่เป็นของตัวเองช่วยให้ผู้ขายออกแบบภาพลักษณ์ตามเอกลักษณ์สินค้าได้เต็มที่ ลูกค้าประจำจดจำแบรนด์ง่ายขึ้น และมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อซ้ำบ่อยขึ้น


ควบคุมต้นทุนค่าธรรมเนียม

ไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชั่นจากยอดขายเหมือนบนแพลตฟอร์ม จ่ายเพียงค่าบริการโฮสติ้งหรือคลาวด์รายเดือน ซึ่งช่วยให้บริหารกำไรได้ชัดเจนกว่า


อิสระด้านการตลาดและบริการหลังการขาย

สามารถออกแบบโปรโมชั่น ระบบสะสมแต้ม หรือบริการหลังการขายได้ตามต้องการ เช่น ส่งคูปองส่วนลดแนบไปกับพัสดุ เพื่อดึงลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำที่เว็บไซต์โดยตรง


สร้างความภักดีของลูกค้า (Customer Loyalty)

เมื่อเว็บไซต์เป็นช่องทางหลัก ลูกค้าจะจดจำและรู้สึกผูกพันกับแบรนด์มากขึ้น


ข้อจำกัด

ต้องเรียนรู้และลงทุนด้านเทคนิค

แม้ใช้เว็บไซต์สำเร็จรูป เช่น Seasalepage ผู้ขายก็ต้องเรียนรู้การใช้งานและออกแบบร้านค้าให้เหมาะกับสินค้า


ต้องหาลูกค้าเอง

การดึงดูดทราฟฟิกต้องอาศัย SEO โฆษณาออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย ไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทันทีเหมือนแพลตฟอร์ม


2. การเปิดร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

ข้อดี

เข้าถึงลูกค้าจำนวนมหาศาลทันที

แพลตฟอร์มมีฐานผู้ใช้งานเป็นล้านคนทุกวัน ทำให้สินค้ามีโอกาสถูกค้นพบตั้งแต่วันแรก


ไม่ต้องลงทุนด้านระบบเว็บไซต์

ผู้ขายสามารถลงสินค้าและเริ่มขายได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้การปรับแต่งเว็บไซต์


แพลตฟอร์มช่วยทำการตลาด

ระบบโฆษณาในตัว แคมเปญลดราคา และฟีเจอร์ดันสินค้า ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าใหม่ได้ง่าย


ข้อจำกัด

ค่าธรรมเนียมการขาย

แพลตฟอร์มจะหักเปอร์เซ็นต์จากยอดขายทุกครั้ง ซึ่งอาจกระทบกำไรสุทธิ


การแข่งขันสูง

มีร้านค้าจำนวนมากขายสินค้าคล้ายกัน ทำให้ผู้ขายต้องแข่งขันด้านราคาและโปรโมชั่นอย่างหนัก


ข้อจำกัดตามนโยบายแพลตฟอร์ม

ผู้ขายต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ หากละเมิดอาจถูกระงับบัญชีหรือถูกจำกัดสิทธิ์การขาย


3. กลยุทธ์การเลือกใช้

สำหรับผู้เริ่มต้นใหม่

การเริ่มขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเหมาะที่สุด เพราะสามารถเข้าถึงลูกค้าทันทีโดยไม่ต้องลงทุนด้านเทคนิคมากนัก และใช้เป็นช่องทางสร้างฐานลูกค้า


สำหรับผู้ที่มีฐานลูกค้าประจำแล้ว

การสร้างเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของตัวเองช่วยเพิ่มความมั่นคงในระยะยาว และลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มมากเกินไป


4. กลยุทธ์ Hybrid: ผสมผสานทั้งสองช่องทาง


แนวทางที่ดีที่สุดคือการใช้ กลยุทธ์แบบ Hybrid หรือการขายทั้งบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและบนเว็บไซต์ของตัวเองไปพร้อมกัน


ใช้แพลตฟอร์มเพื่อ หาลูกค้าใหม่ ใช้เว็บไซต์ของตัวเองเพื่อรักษาฐานลูกค้าประจำ


ตัวอย่างเช่นแบรนด์ระดับโลกอย่าง Nike, Adidas, Uniqlo ที่แม้จะมีขายบนแพลตฟอร์ม แต่ก็ยังเน้นการขายตรงผ่านเว็บไซต์เพื่อสร้างประสบการณ์แบรนด์และความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง


สรุป

แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะเข้าถึงลูกค้าได้รวดเร็ว ใช้งานง่าย แต่ต้องยอมรับการแข่งขันสูงและค่าธรรมเนียม


เว็บไซต์ของตัวเอง เหมาะสำหรับผู้ที่มีฐานลูกค้าแล้ว ต้องการสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืน และมีอิสระในการบริหารจัดการ


กลยุทธ์ผสมผสาน (Hybrid) เป็นทางเลือกที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่องทั้งด้านยอดขายและภาพลักษณ์แบรนด์