การทำธุรกิจออนไลน์ในยุคปัจจุบัน สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การมีสินค้าหรือบริการที่ดีคือการมีระบบการชำระเงินออนไลน์ที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เพราะเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ลูกค้าตัดสินใจซื้อ หากร้านค้ามีทางเลือกการจ่ายเงินที่หลากหลาย จะช่วยเพิ่มโอกาสปิดการขายและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้
ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจ ประเภทการชำระเงินออนไลน์ (Online Payment Methods) ที่นิยมใช้กันมากที่สุด ทั้งในไทยและต่างประเทศ
1. E-Wallet (กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์)
E-Wallet เป็นรูปแบบการจ่ายเงินออนไลน์ที่ได้รับความนิยม เช่น PayPal, Alipay, K PLUS, SCB Easy, เป๋าตังค์
ข้อดีของ E-Wallet
• ค่าธรรมเนียมต่ำ หรือบางครั้งไม่มีเลย
• สมัครง่าย ใช้งานสะดวกผ่านมือถือ
• โอนและรับเงินได้อย่างรวดเร็ว
E-Wallet เหมาะสำหรับธุรกิจออนไลน์ที่ต้องการเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าในการจ่ายเงินเพียงไม่กี่คลิก
2. การชำระเงินออนไลน์ด้วยบัตรเครดิต
บัตรเครดิต ถือเป็นช่องทางการจ่ายเงินออนไลน์ที่ผู้คนคุ้นเคยที่สุด
ข้อดีของการจ่ายด้วยบัตรเครดิต
• ใช้งานสะดวก แค่กรอกหมายเลขบัตร
• ลูกค้าไม่จำเป็นต้องโอนเงินล่วงหน้า
• ใช้วงเงินล่วงหน้าได้ 30 วันโดยไม่เสียดอกเบี้ย
นอกจากนี้ยังมาพร้อมสิทธิพิเศษ เช่น คะแนนสะสม โปรโมชั่น และการผ่อน 0% ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
3. Stablecoin (สเตเบิลคอยน์)
Stablecoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าผูกกับ US Dollar เช่น USDT, USDC ใช้โอนเงินผ่าน Blockchain
ข้อดีของ Stablecoin
• ค่าธรรมเนียมต่ำมากโดยเฉพาะเมื่อโอนผ่านเครือข่าย Solana
• โอนได้ทั่วโลกเพราะบล็อกเชนไม่มีพรมแดน
• ปลอดภัยและตรวจสอบได้
ปัจจุบันธุรกิจที่มีลูกค้าต่างประเทศเริ่มหันมาใช้ Stablecoin Payment เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมสูงของธนาคาร
4. แพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment Platforms)
หนึ่งในทางเลือกยอดนิยมคือการใช้ Payment Gateway หรือ แพลตฟอร์มการชำระเงิน อย่าง Stripe ที่ช่วยให้เว็บไซต์รองรับการจ่ายเงินหลากหลายรูปแบบ
บริการหลักของแพลตฟอร์มการชำระเงิน
1. Payment Gateway – รับและส่งข้อมูลการจ่ายเงินอย่างปลอดภัย
2. Payment Processor – จัดการธุรกรรมกับบัตรเครดิตและธนาคาร
3. Merchant Services – บริการเสริม เช่น ป้องกันการโกง (Stripe Radar), ออกบิลอัตโนมัติ, คิดภาษี
Stripe รองรับการชำระเงินด้วย Visa, Mastercard, American Express, JCB, UnionPay รวมถึง USDC Stablecoin และยังเชื่อมต่อกับบริการ BNPL (Buy Now Pay Later) อย่าง Afterpay, Klarna, Affirm
สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ โปรแกรมเมอร์สามารถติดตั้งโค้ดที่ Stripe เตรียมไว้ให้เพื่อทำให้เว็บไซต์รองรับการชำระเงินออนไลน์ครบวงจร
5. Buy Now Pay Later (BNPL) – ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง
BNPL เป็นบริการที่ช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้ลูกค้า โดยอนุญาตให้ซื้อก่อนและแบ่งชำระทีหลัง เช่น 3 หรือ 4 งวด โดยไม่เสียดอกเบี้ยหากจ่ายตรงเวลา
ข้อดีของ BNPL
• ลูกค้าไม่ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนทันที
• เพิ่มโอกาสการซื้อสินค้าราคาสูง
• ร้านค้าได้ยอดขายเพิ่มขึ้น
ตัวอย่างผู้ให้บริการ BNPL ที่ได้รับความนิยมในประเทศต่างๆ
• ไทย SPay Later
• อเมริกา Affirm
• ยุโรป Klarna
• ออสเตรเลีย Afterpay
สรุป ธุรกิจควรเลือกการชำระเงินออนไลน์แบบไหน
ปัจจุบันลูกค้าต้องการ ความสะดวก ปลอดภัย และตัวเลือกที่หลากหลาย ธุรกิจออนไลน์ควรผสมผสานช่องทาง เช่น
• E-Wallet สำหรับความสะดวกในชีวิตประจำวัน
• บัตรเครดิต สำหรับความคุ้นเคยและสิทธิพิเศษ
• Stablecoin สำหรับธุรกรรมข้ามประเทศ
• Payment Gateway เช่น Stripe เพื่อการจัดการการชำระเงินที่ครบวงจร
• BNPL เพื่อดึงดูดลูกค้าที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้จ่าย
การมีระบบ ชำระเงินออนไลน์ที่หลากหลาย จะช่วยสร้างความมั่นใจ เพิ่มยอดขาย และทำให้ธุรกิจเติบโตในยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคง
หากคุณกำลังทำเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ การติดตั้ง ระบบชำระเงินออนไลน์ (Online Payment System) ที่หลากหลาย จะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ